Last updated: 1 ก.ค. 2563 | 1585 จำนวนผู้เข้าชม |
กรุงศรีอยุธยาตอนปลาย : มีบันทึกหลักฐานในช่วง พ.ศ. 1893 สมัยสมเด็จพระนครินทราธิราช (เจ้านครอินทร์) จดหมายเหตุของจีนเรียก “เจียวหลกความอิน” เป็นกษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่เคยเสด็จไปประเทศจีน โดยตรงกับรัชสมัยของจักรพรรดิหย่งเล่อ แห่งราชวงศ์หมิง มี "ขันทีเจิ้งเหอ" นำกองทัพเรือสำรวจทะเล 7 ครั้ง เป็นผู้ได้รู้จักกับรังนกอีแอ่นขณะที่ได้เดินทางผ่านคาบสมุทรมลายู มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ได้นำรังนกอีแอ่นกลับไปถวายจักรพรรดิ โดยการนำเรือสำรวจทะเลครั้งที่ 2 เมื่อปีพ.ศ. 1950 เจิ้งเหอได้แวะอยุธยาและได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระนครินทราธิราชเป็นการส่วนตัว ซึ่งในช่วงเวลานั้นนครศรีธรรมราชได้ถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา แต่ยังเป็นศูนย์กลางอำนาจและศูนย์กลางการค้าในคาบสมุทรภาคใต้ ซึ่งจีนเป็นอีกประเทศหนึ่งที่เข้ามาติดต่อค้าขายกับนครศรีธรรมราชด้วย
หลักฐานอีกประการหนึ่งคือ เมื่อ พ.ศ.2229 ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงส่งราชทูตโกษาปานเดินทางไปประเทศฝรั่งเศส เพื่อถวายพระราชสาส์นแก่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่ง เดอ วี เซ ได้บันทึกไว้ว่า ในขณะนั้นสมเด็จพระอนุชาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระนามว่า มงเชียร์ กำลังประชวรอยู่ เมื่อราชทูตโกษาปานทราบข่าวจึงขอเข้าเฝ้าถวายรังนกอีแอ่นที่ตนนำมาด้วยให้กับสมเด็จพระอนุชาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เพื่อทดลองเสวยรักษาพระโรค
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ปรากฎทำให้ได้รู้ว่า รังนก มีบทบาทในประวัติศาสตร์ไทยมากขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ทั้งบันทึกจากชาวต่างชาติ เป็นเครื่องบรรณาการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ และเริ่มมีหลักฐานการติดต่อค้าขายสินค้ารังนกกับต่างประเทศมากขึ้น
1 ก.ค. 2563
9 ก.ค. 2563
30 มิ.ย. 2563
9 ก.ค. 2563